คลิกวิดีโอด้านบน เพื่อชมบรรยากาศวัดนางสาวอย่างใกล้ชิด เหมือนไปเองจริง ๆ
วัดนางสาว เป็นวัดราษฎร์สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ไม่ได้ห่างจากตัวเมืองกรุงเทพเท่าไรนัก ผมเองก็ขับรถไปวัดนี้บ่อย ๆ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงนีง
วัดนางสาวนี้ อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร มีโบราณปูชนียสถานที่สำคัญ ได้แก่ โบสถ์มหาอุด (มีประตูเดียวและไม่มีหน้าต่าง) ในประเทศไทยอาจมีอุโบสถมหาอุดเหลืออยู่เพียง 3–4 แห่งเท่านั้น . . . โดยโบสถ์ในลักษณะนี้เป็นโบสถ์เก่าสมัยอยุธยาตอนปลาย ทรงเรือสำเภาซึ่งปัจจุบันมีการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่
นอกจากนั้นยังมีอุทยานมัจฉา (ริมแม่น้ำท่าจีน) สำหรับเลี้ยงปลา ที่ปลาเชื่องมาก ๆ เอาขนมปังป้อนเข้าปากเลยได้
วัดนางสาวยังมีมณฑปหลวงพ่อดำ, มณฑปหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์, คุ้มนางพญา ซึ่งเป็นอาคารทรงไทย ภายในจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยอดีต ผู้คนมักมากราบไหว้หลวงพ่อมหาอุตม์
สำหรับประวัติของวัดนางสาว จากตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา . . . ในสมัยอยุธยาตอนปลายได้เกิดสงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่า กองทัพพม่าได้รุกรานมาจนถึงบ้านบางท่าไม้ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน ฝ่ายชายต้องออกไปรบ เหลือแต่สตรี เด็ก และคนชรา จึงได้อพยพ แล้วก็มาซ่อนตัวที่วัดร้างแห่งหนึ่ง มีพี่น้องสองสาวคู่หนึ่งได้อธิษฐานกับพระประธานว่า หากรอดมาได้จะทำการบูรณะวัดแห่งนี้ จนสงครามสงบ ทั้งสองคนจึงกลับมาบูรณะวัด โดยพี่สาวได้สร้างวัดใหม่ ชื่อว่า วัดกกเตย (ปัจจุบันไม่มีวัดนี้) ส่วนน้องสาวได้กลับมาบูรณะวัดแห่งนี้ ใช้ชื่อว่า วัดพรหมจารีย์ราม ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดน้องสาว และได้เพี้ยนมาเป็น วัดนางสาว ในชื่อปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของคำว่า "วัดนางสาว" อย่างที่พวกเรารู้จักกันดี
พระอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐูขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเครื่องไม้ทรงจั่วมุงกระเบื้องดินเผา มีพาไลด้านหน้ายื่นมา 1 ห้อง เสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับโครงหลังคาจำนวน 4 ต้น ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก มีประตูบานเดียว ไม่มีหน้าต่าง มีการสร้างจิตรกรรมฝาผนังภายในเต็มไปทั้งผืน ซึ่งมีความสวยงามมาก ๆ เจดีย์ก่ออิฐถือปูน ย่อมุมไม้สิบสองทรงระฆัง องค์ระฆังมีการตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้และพวงอุบะ ส่วนยอดเป็นบัวคลุ่มเถาและปลียอด